The Vernon Touch

 

คอลัมน์ The Vernon Touch โดย Dai Vernon จาก Genii Magazine
แปลและเรียบเรียงเป็นภาษาไทยโดย Conjuring Arts Platform


กันยายน 1968

ผมคิดว่า เราควรเริ่มต้นบทแรกด้วยการพูดถึงอะไรสักอย่างที่เป็นพื้นฐานทั่วไปของมายากล


มีหลายคนที่มีความต้องการจะดูมายากลหลาย ๆ ช่วงเวลา ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

ช่วงเวลา ที่เราทำการแสดงนั้นสำคัญมาก อย่างที่ Magic Castle ก็เป็นที่แน่นอนว่าทุกคนพร้อมจะชมการแสดง แต่ถ้าหากผู้คนกำลังร้องเพลง เต้นรำ หรือกำลังพูดคุยกันอยู่หละ แล้วมีใครสักคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วพูดว่า "ผมกำลงจะแสดงมายากลนะ ... ช่วยเลือกไพ่ด้วยครับ ... ดูดี ๆ นะครับ ..." สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมสำหรับมายากล


มายากลจะต้องแสดงอย่างระมัดระวัง ให้ถูกที่ ถูกเวลา ไม่เช่นนั้นอาจเป็นการสร้างความน่ารำคาญให้ผู้คน

 


The Magic Castle, 7001 Franklin Avenue, Los Angeles, California, 90028.


คำพูดที่คุณพูดออกมาในระหว่างการแสดงก็เป็นเรื่องสำคัญมากเช่นเดียวกัน ถ้าธรรมชาติของคุณเป็นคนตลก แล้วคุณเล่าเรื่องตลกจนผู้คนระเบิดเสียงหัวเราะลั่นหรือหัวเราะจนตกเก้าอี้ไป คุณก็อาจจะเป็นคนตลกที่เล่าเรื่องขบขันและแสดงมายากลได้ แต่ถ้าหากคุณเล่าเรื่องตลกแล้วมีคนเบือนหน้าหนี ทำหน้าสงสัยหรือไม่มีใครหัวเราะ แล้วยิ่งคุณพยายามแสดงมายากลให้ดูตลก สิ่งเหล่านี้คือหายนะ


ผมมีเพื่อนจาก New York ที่แสดงมายากลพลังจิต เขาพูดอะไรกับใครก็น่าเบื่อไปเสียหมด ... มันไม่ได้เกี่ยวกับมายากลนะ เขาแสดงมายากลดี Francis Carlyle ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับมายากลกล่าวว่า ไม่เคยมีใครเขียนหนังสือการจัดการเกี่ยวกับมายากลเลย การจัดการทุก ๆ สิ่งเป็นเรื่องสำคัญ คุณอาจจะรู้เทคนิคดี แต่ในทางมายากล ฉันกลับคิดว่าสิ่งที่สำคัญคือวิธีการจัดการ หลาย ๆ คนไม่รู้วิธีจัดการเมื่อเขากำลังแสดงมายากล

อีกสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนนักมายากลจำนวนไม่น้อยไม่ค่อยตระหนักถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่ คือผมจะเปรียบเทียบว่า ไม่มีสักครั้งในชีวิตที่จะพบว่ามีนักร้องเสียง Baritone (ช่วงเสียงระดับกลางของนักร้องชาย - ผู้แปล) ลุกขึ้นมาร้องเพลง On the Road to Mandalay จบ หลังจากจบเพลงก็มีคนกระโดดขึ้นแล้วพูดว่า "โอเค นักเปียโน เล่นอีกครั้ง" ... แล้วหลังจากนั้นเขาก็ร้องเพลง On the Road to Mandalay โดยที่นักร้องจริง ๆ ไม่ต้องร้อง นักเต้นไม่ต้องลุกขึ้นเต้น

เมื่อมีใครสักคนเล่าเรื่องตลก เขาจะไม่บอกมุกนั้นอีกครั้งกับคนกลุ่มเดียวกัน เขาอาจจะอ้างว่า "เล่าได้ไม่เหมือนเดิม" หรือ "เรื่องเดิม เล่าไปก็เหมือนเดิม" เพราะจริง ๆ เขาไม่สามารถนำผู้ฟังเข้าไปสู่จุดที่สำคัญอีกครั้งได้

นักมายากลหลายคนอาจจะตอบรับว่า "ได้ ฉันจะแสดงอีกครั้ง คุณอาจจะจ้องจับผิดว่าผมทำยังไง ลองมาดูกันว่าผมทำยังไง" สำหรับผู้ชมแล้ว เขาก็แค่ได้เห็นทริคเดิม และผมคิดว่าผู้แสดงก็ช่างทึ่มเสียเหลือเกินที่แสดงมายากลทริคเดิมให้ผู้ชมกลุ่มเดิม




ข้อแตกต่างสำคัญระหว่างนักมายากลมืออาชีพและนักมายากลสมัครเล่น คือ นักมายากลมืออาชีพทราบว่า effect ของกลนั้นคืออะไร เขาทราบว่าผู้ชมจะได้รับรู้อะไร ซึ่งมันไม่สำคัญว่าการแสดงจะอิงเทคนิควิธีที่ซับซ้อนแค่ไหน ตราบใดที่ effect ที่ยอดเยี่ยมนั้นถูกนำไปใช้ ส่วนนักมายากลมือสมัครเล่นจะยึดติดที่เทคนิควิธีการ ยิ่งถ้าวิธีการนั้นละเอียด ลึกล้ำและสุดยอดเพียงใดเขายิ่งชอบ เขาอาจจะชอบทริคนั้นมากโดยไม่ได้คำนึงถึงสิ่งอื่น ตัวผู้แสดงเองอาจจะยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเขาแสดงอะไร ตราบใดที่เขารู้สึกว่าเขากำลังแสดงเทคนิควิธีการที่สุดยอด สวยงาม ต้องฝึกฝนนาน แต่สำหรับผม ผมว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ดี

มันอาจเป็นเรื่องน่าเบื่อนะ แต่ผมจะเปรียบเทียบว่า มันคล้ายกับการวาดภาพระบายสี บางคนอาจวาดภาพแล้วรู้สึกว่ามันสวยงาม คนอื่นมองก็ชมว่า "สวยงามมาก ภาพนี้สวยจัง" เพราะเขาอาจจะใช้สีที่ดีที่สุดในโลก ผ้าที่แพงที่สุดในโลก นั่งวาดในสตูดีโอที่สวยงาม ท่ามกลางหมอกควันจาง ๆ แล้วไง ใครจะสนใจหละ! เพราะผู้คนรับรู้ที่ภาพ นี่คือสิ่งที่นักมายากลมืออาชีพเป็นกัน เขาเห็นภาพอย่างภาพที่ผู้ชมเห็น ซึ่งนักมายากลสมัครเล่นยังขาดจุดนี้อยู่ นี่คือสิ่งที่นักมายากลหลายคนต้องระวัง นักมายากลควรมองการแสดงของตัวเองอย่างที่ผู้ชมมอง

สิ่งสำคัญอีกอย่าง คือ ลักษณะการแสดงที่เราแสดง เราเริ่มแสดงมายากลที่ยอดเยี่ยมและจบการแสดงลงอย่างอ่อนโยน หลังจากนั้นควรตามด้วยมายากลเบ็ดเตล็ดตามความเหมาะสม นึกถึงมายากลดั่งการละเล่น ซึ่งมีจุดเริ่มต้น จุดกึ่งกลาง จุดลงท้าย จุดสุดยอดหรือจุดไคลแม็กซ์ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมายากล cups and balls จึงกลายเป็นกลที่เหนือกาลเวลา เพราะเริ่มต้นแนะนำอุปกรณ์ด้วยการวางถ้วยไปเรื่อย ๆ ต่อด้วยการแสดง effect เล็ก ๆ ที่ไม่ซ้ำเดิม ใส่มุกตลกเล็กน้อย เรื่อยไปจนถึงจุดไคลแม็กซ์ ผลออกมาจึงมีเรื่องราวและจบด้วยตัวมันเองอย่างที่การแสดงควรจะเป็นเช่นนั้น

 


Hieronymus Bosch: The Conjurer, 1475-1480


เพื่อนนักมายากลทั้งหลายล้วนมีมายากลที่ยอดเยี่ยม จึงควรศึกษาเทคนิคการแสดงอย่างละเอียด เมื่อถึงคราวแสดง ผู้ชมจะมองเห็นเราครั้งแรกด้วยการประเมินเราจากสายตา แล้วรู้สึกว่า เราดูเป็นคนปกติธรรรมดาหรือเป็นคนไม่น่าไว้วางใจ หรือเป็นคนสนุกสนานไหม นั่นเป็นทัศนคติด้านการพิจารณาคนจากสายตาของคนที่พบกันครั้งแรก ทั้งนี้เพราะแรกเริ่มเราไม่สามารถพูดคุยด้วยกันได้ทันที จึงต้องแยกแยะผู้คนผ่านการมองเห็น ถ้าหากได้พูดคุยกันก็จะทราบว่าเขาเป็นคนแบบไหน ความคิดความอ่านเป็นอย่างไร เมื่อเรามีจังหวะโอกาสได้พูดคุย ได้แนะนำตัว ได้ทักทายอย่างเป็นมิตร ถึงจุดนี้ การแนะนำตัวเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวด เราอาจเริ่มต้นพูดคุยแล้วแสดงอะไรบางอย่างและปิดท้ายการสนทนาด้วยความให้คู่สนทนารู้สึกประหลาดใจ ซึ่งเป็นแบบแผนทั่วไปของนักมายากลสำหรับการทำความรู้จักกันครั้งแรก การดึงการแสดงให้อ่อนลงในช่วงกลางและจบอย่างแข็งแรงเป็นสูตรสำเร็จในการผสมผสานการแสดงเข้าด้วยกัน

หนึ่งในสุดยอดไอดอลของผมอย่าง Hofzinser ครั้งหนึ่งเขาบอกในการแสดงของเขาว่า "การแสดงชุดนี้ จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญมาก ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะยังไม่เคยมีความผิดพลาดในการแสดง แต่ก็อย่าเพิ่งคาดหวังเช่นนั้นเสมอไป" ในอีกความหมายหนึ่งคือ ถ้าคุณยังไม่เข้าใจการแสดงของคุณมากพอแล้วแสดงชุดนั้นไป คุณก็จะไม่เข้าใจ effect ของมั้นใช่ไหม

 


Johann Nepomuk Hofzinser


มีบางคนใช้มายากลเป็นการสร้างความสนุกสนาน เขาเริ่มต้นด้วยการหามายากลที่เขาสามารถแสดงได้ ไม่ได้แม้จะศึกษาสักเพียงเล็กน้อย เขาคิดว่าเขาทำได้ อาจจะทดลองสักครั้ง สองครั้งหรือสามครั้ง เราอาจต้องเลือกว่าคุณจะต้องการแสดงอะไร ศึกษาว่าเราจะจัดการมันเช่นไร ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณจะแสดงด้วยผ้าเช็ดหน้าเพียงผืนเดียวแล้วเริ่มต้นการแสดงด้วยการโชว์ผ้าเช็ดหน้าทั้งสองด้าน แต่คุณต้องฝึกฝนเป็นอย่างดี แสดงในสิ่งที่คุณเตรียมการแสดงมา และนำเสนออย่างน่าประทับใจ คุณอาจจะต้องฝึกฝนทักษะมากหน่อย ถ้าหากการแสดงต้องในทักษะ เช่น การซุกซ่อนบางอย่าง ให้ทำแล้วดูเป็นธรรมชาติ หลักจากนั้นแล้วคุณต้องผสมทุกส่วนให้เข้าถึงกันทั้งหมด คุณอาจต้องฝึกฝนถึงสองหรือสามสัปดาห์ และคิดทบทวนไปมาว่า มันสมบูรณ์ดีแล้วหรือยัง สามารถบอกเล่าเรื่องราวได้ดีหรือยัง สามารถเล่าเรื่องสนุกขนขันลงไปในการแสดงได้ลงตัวหรือยัง ฉันจะเริ่มต้นการแสดงอย่างไร จุดกลางเรื่องราว และจะจบลงอย่างไร

ครั้งหนึ่ง เพื่อนของ Dr. Daley (นักมายากลชื่อดังของสมัยนั้น - ผู้แปล) กล่าวว่า "ปัญหาอย่างหนึ่งของนักมายากลทั่ว ๆ ไปคือการมีรสนิยมที่ไม่ค่อยดี" มันเป็นความจริงทีเดียว รสนิยมของมายากลนั้นสื่อได้จากหลาย ๆ สิ่ง ตั้งแต่รสนิยมการเลือกอุปกรณ์ รสนิยมในการแต่งตัว รสนิยมในการเลือกใช้คำพูด รสนิยมในทุก ๆ สิ่งเลย ดังนั้น หากคุณต้องการจะพัฒนาการแสดงของคุณให้ดีขึ้น คุณต้องทำความเข้าใจในรายละเอียดของทุก ๆ สิ่ง สิ่งเหล่านี้จะช่วยพัฒนาการแสดงของคุณให้ดียิ่งขึ้น

 

 

เพื่อนผมบางคน เมื่อเริ่มต้นศึกษามายากล โดยการเริ่มจากมายากลไพ่ก่อน เขาต้องการเริ่มฝึกด้วย second deal (เทคนิคในการแจกไพ่แบบหนึ่ง - ผู้แปล) เพราะเขาทึ่งกับเทคนิคนี้ แล้วเขาควรทำอย่างไรบ้าง ถ้าเขาทุ่มเทการฝึกฝนเทคนิคนี้อยู่ 20 ปี แต่เขาไม่สามารถนำไปแสดงให้ใครชมได้หละนี่คือสิ่งที่ไม่ควรหมกมุ่นเทคนิคอย่างเดียว เว้นเสียแต่ว่าเป็นการฝึกเพื่อความบันเทิงส่วนตัวของเขาเอง

มันมีหลายเรื่องมากจริง ๆ คุณควรจะถามผมนะ คุณควรจะรู้ว่าคนอื่น ๆ กำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อครั้งเด็ก ๆ ตอนที่ผมยังไม่มีชื่อเสียง ผมอาศัยอยู่คนเดียวในส่วนหนึ่งของ Canada ผมใช้เวลาเป็นปี ๆ ในการรอเพื่อที่จะได้พบนักมายากลสักคนหนึ่งที่มาเปิดการแสดงที่นี่ อย่าง Leipzig หรือ Nelson Downs หรือ Thurston ได้พูดคุยและได้ถามคำถามต่าง ๆ นับร้อยข้อเกี่ยวกับศิลปะมายากล คำตอบแม้เพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็กระตุ้นจิตใจและช่วยผมได้เป็นอย่างมาก

ผมได้รับคำถามจาก David Bornstein จาก Denmark เขาต้องการทราบว่า การแสดงชุดไหนที่ผมเลือกที่จะแสดงให้กับคนดูทั่ว ๆ ไป สำหรับกลุ่มหญิงล้วน และสำหรับนักมายากล เราจะมาพูดคุยกันเรื่องนี้ในฉบับหน้า ในระหว่างนี้ ส่งคำถามเกี่ยวกับมายากลที่คุณสงสัย ทั้ง move บุคลิกลักษณะ หรือบางช่วงบางตอนของมายากล ผมจะตอบให้อย่างดีที่สุด เขียนแล้วส่งมาให้ผมที่ The Magic Castle, 7001 Franklin Avenue, Los Angeles, California, 90028.


อ้างอิง

- https://geniimagazine.com/wiki/index.php?title=Vernon_Touch

ภาพประกอบบทความ

- http://martaonthemove.com/wp/79magiccastle
- http://www.flickr.com/photos/17453487@N05/4916839252
- https://en.wikipedia.org/wiki/Cups_and_balls
- https://nexusthemes.com/wordpress-themes-1002/magician-wordpress-theme-387

 



ตุลาคม 1968

David Bornstein จากเดนมาร์ค ต้องการจะทราบว่าการแสดงชุดไหนที่สามารถสร้างความบันเทิงให้กับบุคคลทั่วไป กลุ่มสุภาพสตรี และสำหรับนักมายากล


จากคำถามนี้ ผมมีความคิดนับล้านที่ผมจะอธิบาย ผมหมายถึงว่า มันก็ไม่ได้มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนให้ยึดเป็นแบบแผน ผมเองก็ไม่ได้คิดว่ามันจะมีสูตรตายตัว และอย่างที่รู้ ๆ กันว่าเราควรก้าวข้ามพ้นกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้เหมือนกับว่าเราไร้พันธนาการใด ๆ กีดกั้นไว้ แต่คำแนะนำจากใจจริงเลยนะ การแสดงสำหรับคนทั่วไปในยุคนี้ ช่วงวัยนี้นั้น ผมยอมรับไม่ได้ถ้าจะบอกว่าผู้ชมจะสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับอุปกรณ์ ผู้ชมจะบอกว่า "ฉันอยากให้พวกเด็ก ๆ ได้อยู่ตรงนี้" ผมจะยกตัวอย่างการแสดงในวันหนึ่ง เป็นการแสดงมายากลพลังจิต คลับคล้ายคลับคาว่าเป็นการอ่านใจ คล้าย ๆ ในนวนิยายเรื่อง 'The Seven Keys to Bald Pate' เป็นการดึงผ้าและกระต่ายตัวน้อย ๆ ออกจากกล่อง ซึ่งเป็นการแสดงที่ควรจะหายไปได้แล้ว (นอกเสียจากการแสดงสำหรับเด็ก) แต่มายากลด้านกระแสจิตและความจำอย่างที่ Harry Lorraine แสดง ผู้ชมจะได้รับชมฝีมือเก่งกาจหรือความสามารถในการแสดงที่ยอดเยี่ยม ผู้ชมจะไม่สามารถพูดได้เลยว่า "อื้ม. ฉันสามารถไปซื้ออุปกรณ์ชุดนี้ที่ร้านข้างล่างได้ไหม" พวกเขาจะคิดว่า "โอ้ว พระเจ้า เขาทำได้อย่างไรเนี่ย เขาฝึกมาจากไหน ฝึกได้อย่างไรเนี่ย"



แต่ถึงอย่างไร ผมก็คิดว่า การแสดงที่เหมาะสมสำหรับคนทั่ว ๆ ไปนั้น เป็นอย่างที่เพื่อนของผม ชื่อ David Bamberg บอกไว้ว่า การแสดงที่จะถูกรายล้อมด้วยผู้ชมนั้น ควรจะมอบอารมณ์ ความรู้สึกบางอย่าง และผมก็เห็นด้วยกับสิ่งนั้น


คุณสามารถทำตามอย่าง Frakson เพื่อนของผม ที่สามารถนำเสนอการแสดงของเขาให้น่าเบื่อจนคนดูเบื่อตายไปเลย หรือเขาก็สามารถทำให้การแสดงของเขาน่าตื่นเต้น แล้วเขาก็ยังสามารถวางแผนเพื่อหว่านริมฝีปากบนหลังมือบรรดาหญิงสาวต่าง ๆ ได้อีกด้วย เขาทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก หลายปีก่อน Chang ได้บอกผมถึงเคล็ดลับที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จหลังจากที่เขาเดินทางไปยังอเมริกาใต้ นั่นเพราะว่าเขาตามศึกษาจาก David Bamberg ว่า อ่า... ก่อนการแสดงจะเริ่ม เขาจะสวมชุดคลุมยาวของชาวจีนที่งดงาม แล้วไปยืดโดดเด่นเป็นสง่าที่หน้า Lobby เมื่อบรรดาเหล่าสุภาพสตรีย่างเท้าเข้ามายังโรงแรม เขาก็ก้าวย่างออกไปหาหญิงสาวด้วยชุดคลุมนั่น บรรจงจุมพิตที่มือของหล่อนและมอบดอกกุหลาบให้ สิ่งเหล่านี้ทำให้บรรดาหญิงสาวประทับใจ บางทีอาจจะประทับใจมากกว่าการโชว์มายากลหรืออะไรอื่น ๆ ก็เป็นได้ แล้วเขาก็แนะนำตัวว่าคือ Chang เขาสามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์อะไรได้บ้างภายใต้ชุดที่สง่างามที่เขาสวมใส่อยู่



Li-Ho-Chang


ถึงเรื่องนี้มันจะไม่ใช่มายากลนะ แต่มันเป็นการสร้างความพึงพอใจทางความรู้สึก หากมีคุณสามีท่านใดต้องการจะชมมายากล บรรดาสุภาพสตรีก็จะไม่มีทีท่าถึงความเบื่อหน่ายเลย พวกเขาจะกระวนกระวายที่จะรับชม สิ่งนี้ทำให้ Chang ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในอเมริกาใต้


มันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างลำบากหากจะกำหนดการแสดงที่เฉพาะเจาะจง เพราะการแสดงหนึ่งเมื่อไปอยู่กับนักมายากลคนหนึ่งอาจจะดูห่วย แต่ถ้าหากไปอยู่กับนักมายากลอีกคนหนึ่งอาจจะกลายเป็นการแสดงชิ้นเอก หลักสำคัญจึงคือการสร้างการแสดงที่มอบความรู้สึกให้กับคนทั่วไป ผมคิดว่ามันคือหลักพื้นฐาน


สำหรับที่ปราสาทมายากลนี่ มายากลที่ผมมีความรู้สึกเพลินเพลินมากที่สุดคือกล Ambitious Card ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนตั้งชื่อนี้ ผมว่าอาจจะเป็น Hugard หรือ Annemann หรือทั้งคู่ กลนี้จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็ต่อเมื่อมีผู้ชมอย่างน้อย 2 คน และมีคนหนึ่งรู้สึกว่าตัวเขาเองฉลาดกว่าคนอื่น ๆ ซึ่งมันอาจจะเสี่ยง ๆหน่อยนะ ถ้าคุณจงใจเลือกเขาจริง ๆ แล้ว อาจจะทำให้เขาไม่พอใจ เพราะเขาจะถูกทุกคนจะหัวเราะใส่ แต่ถ้าคุณแสดงอย่างระมัดระวัง คุณจะทำให้การแสดงนี้เป็นการแสดงที่สนุกสนานมาก คล้ายดั่งมุกตลกเก่าแก่ที่จะมีคนหัวเราะเมื่อเห็นใครสักคนเดินเหยียบเปลือกกล้วยแล้วลื่นล้มหัวคะมำ มันจะเป็นภาพประมาณนั้นแหละหากคุณแสดงให้ผู้ชมทั้งห้องซ้ำ ๆ ทีละคน จะมีคนพูดว่า "อ้อ... ฉันรู้แล้ว ฉันเห็นแล้วว่าคุณจะทำอะไร" ถึงตอนนี้ ถ้าคุณยังขืนแสดงให้ผู้ชมทั้งห้องได้ชม นั่นวิกฤตแล้ว แต่หากคุณแสดงกับคนคนเดียวแล้วให้ทั้งห้องเป็นผู้ชม ผู้ชมจะหัวเราะขบขันอย่างสนุกสนานให้กับเพื่อนผู้น่าสงสารคนนี้ และผู้ชมก็จะจดจำภาพความสนุกสนานที่เกิดขึ้นกับตาของเขาเองที่เห็นเพื่อนกำลังโดนนักมายากลลวงตา


เมื่อปี 1905 เป็นคราวที่ผมพบ Leipzig ครั้งแรก ซึ่งมันก็เนิ่นนานมามากแล้ว คราวยังเป็นเด็กผมได้แสดงฝีมือด้วยมายากลไพ่ เมื่อผมพบ Leipzig ครั้งแรก เขาให้ผมแสดงเทคนิคการเปลี่ยนสีไพ่ (color change) อย่างที่เขาแสดง ยามที่เขาแสดงนะ เขาทำมือเกร็ง ๆ คนดูทุกคนก็คิดว่าเขาแอบซ่อนไพ่ไว้ในมือ เขาก็ค่อย ๆ เผยมือให้เห็นว่าในมือนั้นไม่มีอะไรซุกซ่อนอยู่ แล้วเสียงหัวเราะจากผู้ชมก็ถูกมอบให้กับเขา



แล้วฉันก็ได้แสดงเทคนิคการเปลี่ยนสีไพ่ (color change) เขาชมผมว่า "คุณทำได้ดีนะ แต่ผมคิดว่าคุณยังไม่เข้าใจมัน" คุณอาจจะรู้สึกใจตกเมื่อมีผู้ชมคนหนึ่งบอกคุณแบบนี้ คุณอาจแก้หน้าไปว่า "ขอโทษนะ คุณเป็นเพียงแค่คนหนึ่งจากผู้ชมทั้งห้อง" แต่นี่คือบทเรียนที่สำคัญ ถ้าคุณต้องเลือกใครสักคนจากผู้ชมทั้งหมด และถ้าเป็นไปได้ เลือกใครสักคนที่มีความฉลาด และมีจินตนาการ แม้แต่มายากลอย่าง die box (มายากลลูกเต๋าหายจากกล่องไปปรากฏที่อื่น - ผู้แปล) ซึ่งผมเคยบอกกับ Loring Campbell ไว้เมื่อหลายปีแล้วว่า ถ้าคุณระมัดระวังเพียงเด็กน้อยคนเดียว ผู้ชมทั้งหมดอาจจะอุทานออกมา เพราะพวกเขาคิดว่าเด็กน้อยนั้นซุกซนและฉลาดเฉลียว แต่หากคุณระมัดระวังกับเด็กน้อยทั้งหมด คุณจะระมัดระวังและกังวลใจกับสถานการณ์ย่ำแย่แบบนั้น ในการแสดงที่ต้องการให้ผู้ชมหลงเชื่อ คุณต้องสนใจเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น และไม่สนใจใครอื่นใด ต้องทำให้งงงันเพียงคนเดียว คุณไม่สามารถทำให้ผู้ชมงงงันทั้งหมดห้องได้หรอก คุณต้องทำให้งงงันเพียงคนเดียว ตราบจนผู้ชมที่เหลือทั้งห้องเชื่อตามและหัวเราะสนุกสนานไปกับมัน ถ้าชี้ชัด ๆ ในมายากลระยะใกล้ 'อย่าหว่านล้อมผู้ชมทั้งห้อง ให้ทำเพียงคนเดียวเพื่อให้ทั้งห้องเชื่อตาม'


สิ่งที่เสี่ยงมากจนต้องระมัดระวังในการแสดงมายากลคือ ทัศนคติคุณต้องสูงกว่า มีไม่น้อยเลยที่ล้อเล่นหรือเสียดสีกับความเชื่อ ถ้าคุณแกล้งแสดงเป็นปีศาจ ผู้ชมรู้สึกได้ว่าคุณแสดง นั่นก็ไม่แย่เพราะผู้ชมรู้ว่าเป็นการแสดง แต่จริง ๆ แล้วคุณต้องคิดล่วงหน้ากว่าคนดู คุณต้องมีทักษะและความสามารถมากกว่าผู้ชม เรื่องล้อเลียนความเชื่อไม่ว่ามันจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์หรือไม่ ผู้ชมต่างไม่ชอบมัน ยิ่งถ้าเป็นคนทั่ว ๆ ไปด้วยแล้วมันเป็นสิ่งที่ร้ายแรงมาก


ผมคิดว่ามายากลที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันที่แสดงแล้วดูเป็นธรรมชาติที่สุด เป็นการแสดงเปลี่ยนเหรียญจากเหรียญหนึ่งสู่อีกเหรียญหนึ่ง ซึ่งผมไม่ได้แสดงมายากลนี้มาหลายปีแล้ว ผมว่าผมเคยแสดงไว้ที่ประเทศ Trinidad หรือที่อเมริกาใต้ วันก่อนมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาหาผมแล้วพูดกับผมว่า "คุณช่วยแสดงมายากลด้วยเหรียญหนึ่งเหรียญนี้ได้ไหมครับ" ในมือเขามีเหรียญ dime และเหรียญ nickel เอ่อ ตอนนั้นมือผมอยู่ในกระเป๋ากางเกงซึ่งมีเหรียญ Half Dollar อยู่พอดี ผมก็ใช้เทคนิคแบบที่ Jarrow ใช้ ซึ่งเปลี่ยนจากเหรียญ nickel เป็นเหรียญ Half Dollar ด้วยการส่งต่อจากมือผมซึ่งถือเพียงเหรียญ nickel ไปสู่มือที่ว่างเปล่าของเด็กคนนั้น มันเกิดผลสำเร็จมากกว่าการที่ผมจะเสกลูกบอล ผ้าเช็ดหน้า หรือแสดงมายากลอะไรพวกนี้ เพราะมันเกิดขึ้นกะทันหัน ทันท่วงที


ครั้งหนึ่ง Max Malini เคยเดินไปบนท้องถนนกับผู้บริหารระดับสูงของกรมตำรวจ และเห็นเด็กน้อย 2 คนกำลังเล่นเบสบอลกันอยู่ ลูกเบสบอลกระเด็นมาที่ Malini เขากำลังจะโยนลูกบอลกลับ แต่ผู้บริหารคนนั้นก็พูดว่า "ช่วยแสดงอะไรให้ดูหน่อยสิ Malini" เขาก็ได้โยนลูกบอลสักสองสามครั้งขึ้นไปบนอากาศก่อนที่บอลลูกนั้นจะหายวับไปกับตา ผู้บริหารนั้นพลันถามว่า "มันหายไปไหน" Malini ก็ถอดหมวกบนศีรษะของเขาขึ้นแล้วลูกบอลก็ร่วงลงมา แบบนี้ผมเรียกว่าเป็นมายากลที่มีประสิทธิผลที่สุด เพราะมันเกิดขึ้นในจังหวะกะทันหัน หรือที่เราเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า ad-lib หรือการด้นสดตามสถานการณ์ 



Max Malini


การแสดงมายากลที่เกิดจากการด้นสดตามสถานการณ์ในขณะนั้นจะมีประสิทธิภาพมากกว่ามายากลที่เตรียมมา ซึ่งหลาย ๆ ครั้งการด้นสดจะได้รับเสียงหัวเราะมากกว่ากว่าการแสดงมายากลที่ตระเตรียมไว้แล้ว ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะมันเป็นธรรมชาติมาก ผมมีต้นแบบทางมายากลอยู่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือ Max Malini ซึ่งเป็นนักมายากลผู้ยิ่งใหญ่ ถ้าเขาจะแสดงมายากลด้วยเหรียญ Half Dollar เขาจะไม่หยิบเหรียญนั้นมาจากกระเป๋า เขาจะพาเพื่อนพ้องไปที่บาร์พร้อมสั่งเครื่องดื่มที่มีมูลค่า 50 เซนต์ หลังจากนั้นเขาจะได้เหรียญ Half Dollar เป็นเงินทอน เมื่อเพื่อนของเขาจะรับเงินทอน Malini จะพูดขัดว่า "เดี๋ยวก่อน ฉันจะแสดงอะไรให้ดู" Malini ชอบทำแบบนี้ ซึ่งมันส่งผลดีมาก เขายังเคยใช้คำพูดที่ว่า "นั่นอะไรหนะ ขอฉันดูหน่อยสิ" แล้วเขาก็รับเหรียญมาพร้อมแสดงมายากลไปด้วย นี่คือสิ่งที่ Malini ทำ การแสดงของเขาก็อุบัติขึ้นเรื่อย ๆ จะเห็นได้ว่าเป็นการแสดงมายากลที่มีพลังมาก เกิดขึ้นกะทันหันทันทีในช่วงจังหวะนั้น ไม่มีการเตรียมการเหมือนเราเพิ่งไปซื้ออุปกรณ์มายากลมาแล้วต้องการจะโชว์เพื่อน


นี่เป็นสิ่งที่ยากเย็นในการเตรียมตัวก่อนการแสดง เพราะเมื่อคุณมีผู้ชมที่พร้อมจะจับตาดูคุณทำการแสดงอะไรบางอย่าง แต่ถึงอย่างนั้น การยืมสิ่งของจากผู้ชมจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการที่คุณมีอุปกรณ์อยู่ในมือ ถึงแม้นว่ามันจะเป็นอุปกรณ์อันวิจิตรงดงามที่สุดในโลก ผู้ชมก็สัมผัสได้ถึงอุปกรณ์ที่อาจมีอะไรบางอย่างหรือกลไกบางประเภท หากแต่คุณยืมอุปกรณ์เหล่านั้นจากผู้ชม ใช้มันสำหรับการแสดงมันจะทำให้มีประสิทธิผลสูงสุดสำหรับผู้ชมทั่วไป



เรามาพูดกันถึงการแสดงสำหรับท่านสุภาพสตรีกันบ้าง ผมผ่านชีวิตมาเยอะแล้ว ถ้าพูดจากใจจริง ผมไม่รู้สึกว่าท่านสุภาพสตรีทั้งหลายที่ผมเคยได้พบเจอจะชื่นชอบมายากลมากนัก ที่เขาดูสนใจมายากลมาก ๆ เพราะเขาตั้งใจดูชายหนุ่มที่กำลังแสดงมายากลไพ่ ซึ่งผมคิดว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจดูมายากลนัก ถ้าคุณบอกให้พวกเขาสับไพ่แล้วให้เขาเลือกไพ่ที่ดี ๆ มาสักใบ ถ้าเขาได้ใบนั้นแล้วเขาจะฝันดีหรือจะมีความรักที่ดี เขาจะเริ่มคิดวางแผนการที่ไม่ดีและจะตั้งใจดูกลไพ่ของคุณเป็นชั่วโมง ๆ เขาจะยิ่งชอบมากหากคุณถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกไปสู่เขาด้วย แต่ถ้าคุณให้ไพ่เขาไป 5 ใบ แล้วทายไพ่ทั้ง 5 ใบได้ เขาจะบอกคุณว่า "คุณทายใจฉันได้ คุณเอาใจฉันไปหมดแล้วนะคะ"


หลายปีก่อน ผมไป Brooklyn เพื่อไปชมการแสดงของ John Booth กับสุภาพสตรี 8 ท่าน ซึ่งตอนนั้นเขาได้รับเกียรติบัตรทางวิชาการทางมายากลเพราะเขาสร้างประวัติศาสตร์ให้กับมายากลและค้นคว้าหาประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการแสดงมายากลชุดต่าง ๆ บางชุด หลังจากการแสดงจบ ผมกลับมาถึงที่พัก พวกเราพูดคุยกันถึงการแสดงที่ได้รับชมไป คุณรู้ไหม บรรดาสาว ๆ พูดว่าอะไร พวกเขาสนใจวิธีในการเก็บสายไมโครโฟนไม่ให้เกะกะหรือแกว่งไปมาระหว่างการแสดง พวกเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าได้ชมการแสดงอะไรไปบ้าง


บรรดาสาว ๆ ที่อยู่ในวงไพ่บริดจ์ก็จะสนใจว่าเขาจะโดนโกงไพ่หรือไม่ เขาจะสนใจมายากเพียงเล็กน้อยเพราะรู้สึกว่าอาจมีข้อมูลที่มีคุณค่า แต่ถ้าหากคุณทำการเสกผ้าออกมาจากสักที่ ผมไม่คิดว่าเขาจะไปบอกสามีของเขาว่าเมื่อช่วงบ่ายเขาได้ชมการแสดงที่ยอดเยี่ยมอะไรมาบ้าง


ผมไม่ค่อยได้เลือกผู้ชมมายากลที่เป็นหญิงสาวเท่าไหร่ ยกเว้นในบางสถานการณ์หรือในบางการแสดง หากคุณมีเพื่อนรูปหล่ออย่าง Fred Keating ที่โก้เก๋ ดูดี มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม บรรดาหญิงสาวจะจับจ้องไปที่เขาไม่ว่าเขาจะเดิน หรือไม่ว่าจะพูดอะไร สาว ๆ จะตกหลุมรักเขา ยิ่งถ้าเขาจับมือหญิงสาวแล้วอ่านใจด้วยแล้วนะ แต่ถึงอย่างไร สาว ๆ ไม่ได้หลงใหลกับการแสดงของเขา เว้นเสียแต่จะมีบทพูดที่ดี มีเรื่องราวที่ดี แล้วจะทำให้พวกหญิงสาวสนุกสนาน จริง ๆ แล้วมายากลมีผลน้อยมากในการทำให้เหล่าบรรดาผู้หญิงสนุกสนาน ถังยังไงก็แล้วแต่ หากมีหญิงสาวท่านไหนต้องการจะค้านความเห็นนี้คุณก็สามารถส่งจดหมายมาหาผมได้



สำหรับการแสดงมายากลเพื่อจะลวงตานักมายากลด้วยกันเองนั้นเป็นเรื่องที่ยาก เมื่อความผมเป็นเด็ก ๆ ผมมา New York ครั้งแรก ผมหวังว่าจะได้เห็นมายากลจาก Bamberg, Okito และ Dr. Elliott เพราะผมได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับพวกเขาซึ่งมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในขณะนั้น ผมค่อนข้างผิดหวังเมื่อเจอ Thurston เข้า เพราะผมเคยแสดงมายากลให้เขาดูแล้วเมื่อตอนผมอายุ 7 ขวบ ตอนแรกผมนึกว่าเขาแกล้งจำผมไม่ได้ต่อมาเขาจึงรู้ว่าเขาจำผมไม่ได้จริง ๆ เขาจำช่วงเวลาขณะนั้นไม่ได้เลย


หลายปีก่อน ผมชอบแสดงมายากลให้นักมายากลด้วยกันดู ผมพยายามจะหลอกพวกเขาให้ได้ แต่นักมายากลอเมริกันจะไม่ค่อยยอมรับว่าตัวเองโดนหลอก เขาจะบอกว่า "เท่าที่ฉันรู้ มันต้องหมุนตรงนี้นะ" นักมายากลทั่วไปจะไม่ยอมรับว่าเขาโดนหลอก นอกเสียจากนักมายากลดี ๆ ที่จะยอมรับมัน โดยปกติแล้วพวกเขาคิดว่ามันเป็นสัญญาณแห่งการเสียท่าเขาจึงไม่ยอมรับมัน


ผมเชื่อมั่นว่าหัวใจของมายากลที่สำคัญที่สุด คือ นักมายากลต้องเข้าใจเหตุผลของทุกการเคลื่อนไหว แต่พวกเขากลับสนใจที่ความรวดเร็ว คล่องแคล่ว หรือความเคลียร์ หรือสนใจในวิธีการแสดง หรือจะให้พูดง่าย ๆ นะ ถ้าเขายังไม่เข้าใจเหตุผลในแต่ละการเคลื่อนไหว ไม่เข้าใจจุดไคลแม็กซ์ของการแสดง ไม่ทราบที่มาของจุดไคลแม็กซ์ เขาก็จะไม่สามารถสร้างความน่าพึงพอใจและไม่สามารถสร้างความสนุกสนานขึ้นได้


เหมือนอย่าง Flosso เมื่อไหร่ที่เขาจะแอบใส่ของลงไปในหมวกของเขา ผมมั่นใจเลยว่าจะไม่มีใครสามารถมองเห็นว่าเขาใส่ของครั้งแรกตอนไหน คุณอาจจะคิดว่าเขาแอบใส่ด้วยความรวดเร็วซึ่งนักมายากลอาจไม่ชอบหรือไม่ได้สนใจที่ตรงจุดนี้ แต่สำหรับ Flosso แล้ว เรื่องเหล่านี้สำคัญ


หนังสือเก่า ๆ บางเล่มบอกว่า เมื่อคุณเริ่มต้นจะแสดงมายากล คุณต้องเลือกว่าคุณจะเป็นอะไร คุณต้องการจะเป็นดั่งตัวตลกในคณะละครสัตว์หรือเปล่า หรือคุณจะเป็นนักแสดงอย่างนักแสดงละครเวที หรือคุณจะเป็นนักแสดงที่ดูลึกลับ หรือจะเป็นนักแสดงปกติที่ทำตัวธรรมดา หรือจะเลือกนำเสนอแบบไหนให้ผู้ชมรับรู้ เมื่อคุณทำการแสดงมายากล คุณสามารถเปลี่ยนบุคลิกภาพ อย่างที่ Houdini เคยบอกไว้ว่า "คุณคือนักแสดงที่รับบทเป็นนักมายากล" แต่คุณต้องกำหนดจุดกึ่งกลางและหาวิธีการแสดงมันออกมาให้ดีที่สุด ค่อย ๆ ฝึก ค่อย ๆ ปรับ ค่อย ๆ เปลี่ยน จนกลายเป็นชีวิตประจำวันของคุณ มันจะทำให้การแสดงของคุณดียิ่งขึ้น คุณต้องไม่เปลี่ยนแปลงมันอย่างกะทันหันต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปทีละช้า ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมนักมายากลมืออาชีพจึงเหมือนพลังบางอย่างซ่อนอยู่ เช่นเดียวกับเพื่อนของผมอย่าง Francis Carlyle ที่พูดไว้ว่า ถ้าเพื่อนของคุณไม่สามารถบอกได้ว่าเขาเห็นอะไร บอกไม่ได้ว่าการแสดงอะไร เป็นอย่างไร มันเข้าขั้นแย่แล้ว มนุษย์เราควรจะจดจำสิ่งต่าง ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้มายากลชุด Card On the Ceiling จึงเป็นมายากลที่ดี ซึ่งได้อธิบายไว้เบื้องต้นแล้ว



วันนี้ เพื่อน ๆ นักมายากลที่มีมายากลอยู่กับตัว อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะเรียนรู้มายากลใหม่ ๆ ซึ่งมันก็มีห้องสมุด มีหนังสือ มีคนหลาย ๆ คนคอยช่วยเหลืออยู่ มันจึงกลายเป็นเรื่องง่าย เราต้องพัฒนาจากจุดที่เป็นอยู่ให้ดียิ่งขึ้น การจะกลายมาเป็นนักแสดงมายากลฝีมือยอดเยี่ยมไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายในข้ามวัน มันไม่มีวิธีที่จะเป็นได้ คุณต้องสั่งสมประสบการณ์ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาตัวคุณเองแล้วคุณจะพบความสำเร็จ


สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับมายากลคือ ไม่มีกฎเกณฑ์ใดที่จะบอกได้เราต้องเตรียมพร้อมเมื่อใด คุณอาจจะหยิบลูกแก้วใส่ไปในถุง ต่อยมันแล้วปรากฏว่ามีเชือกร้อยอยู่ที่กลางลูกแก้ว มายากลนี้แทบจะไม่น่าตกใจ ผู้ชมอาจจะบกว่าคุณทำแบบนั้นหรือเพราะคุณทำวิธีนี้ แต่สำหรับ Frakson ถึงเขาจะแสดงคล้าย ๆ กัน แต่วิธีการนำเสนอและคำพูดของเขารวมถึงวิธีการที่เขาถือ ทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมาได้ แล้วแบบนี้จะบอกอย่างไรดีว่ามายากลไหนดีที่สุด? ไปหยิบ Egg Bag นักมายากลดังๆมากมายทั้ง Goldin, DeBierre, Alpagini, Jud Cole และนักมายากลอีกนับไม่ถ้วนได้แสดงมายากลชุดนี้และได้ประสบความสำเร็จจากมันเพราะเขาได้นำเสนอ คุณอาจจะแสดงมายากลชุดนี้ได้ไม่ดี คุณจะไปโทษเนื้อมายากลไม่ได้ มันอยู่ที่วิธีการที่คุณนำเสนอ รวมไปถึงบทพูดที่คุณจะเล่ามันออกมา Slydini นับเป็นตัวอย่างที่ดี ถึงแม้ว่าเขาจะมีสไตล์อิตาเลี่ยน แต่เมื่อเขาทำการแสดง เขาจะแสดงอย่างจริงใจโดยดึงจุดขายของเขาออกมาอย่างเด่นชัดให้สอดคล้องกับมายากลและการแสดงของเขา นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเป็นการแสดงมายากลโดยแท้


ผมมีความสุขมากที่ได้รับจดหมายซึ่งจากที่ต่าง ๆ หากผมได้รับคำถามมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งมาสารถพูดคุยผ่านคอลัมน์นี้ยาวนานขึ้น หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับมายากลใด ๆ สามารถส่งมาหาผมได้ที่ The Magic Castle, 7001 Franklin Avenue, Los Angeles, California, 90028.

 


อ้างอิง
- https://geniimagazine.com/wiki/index.php?title=Vernon_Touch

ภาพประกอบบทความ

- http://www.jemagic.com/Believeit/Believeit.htm
- https://throwingcards.blogspot.com/2017/01/li-ho-chang.html
- https://www.youtube.com/watch?v=R4KRZ8bBy40
- https://www.chambermagic.com/blog/mmm-malini/
- https://magicupclose.co.uk
- http://www.henrikemppainen.com/en/close_up_magic
- https://www.houdini.com/card-on-ceiling

Share